EP09 - Slow Productivity

ปรัชญา Slow Productivity ทำน้อยแต่ได้มาก เน้นคุณภาพไม่ใช่ปริมาณ ข้อคิดดีๆจากหนังสือเล่มใหม่ของ Cal Newport

EP09 - Slow Productivity
Cal Newport

ปรัชญา Slow Productivity ทำน้อยแต่ได้มาก หนังสือเล่มใหม่ของ Cal Newport แค่เห็นชื่อคนเขียน ต้องอ่านแล้ว ยั๊งงง 555+

สรุปไอเดียสำคัญที่ “Knowledge Workers” แบบพวกเราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้เลยวันนี้

Cal บอกว่าเทรนด์การทำงานหนักจนเกิดอาการ “Burn Out” เป็นปัญหาที่กำลังทำร้าย Knowledge Workers ทั่วโลกอยู่ในปัจจุบัน

คำว่า “Productivity” เป็นสาเหตุสำคัญของปรากฏการณ์นี้เลย นิยามไม่มีความชัดเจนใดๆ ถาม 100 คน ได้ 100 คำตอบ อะไรกันครับเนี่ย 555+

Productivity ของคนทำงานยุคนี้ไม่เหมือนสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรมแล้ว งานที่ใช้ “ความคิด” ไม่สามารถเขียนเป็นขั้นตอนได้ เราทำงานใน “Wicked Environment” ที่มีความซับซ้อนสูงกว่าแต่ก่อน

วิธีการวัดความ Productive ในยุคที่ผ่านมา เป็นการวัดจากสิ่งที่เรามองเห็นได้ "Visible Activity as A Crude Proxy" ตอบแชทไว ตอบอีเมล เข้าประชุม อัดตารางงานแน่นๆ

“Pseudo Productivity” ทำงานวันละ 10 ชั่วโมง เข้าออฟฟิศทุกวันให้ CEO เห็นทุกวัน (เพราะมัน Visible) ไม่ได้แปลว่าเรากำลังทำสิ่งที่ Productive อยู่

หลายคนทำตัวยุ่ง “Busyness” แต่ไม่เกิด “Business” งานออกน้อย ตอบแชทไว ตอบอีเมลแค่ให้ได้ตอบ เข้าประชุมไปนั่งดื่มกาแฟ ทำแต่งานไม่มีความหมายแล้วบอกว่าเรา Productive ได้เหรอ 555+

Cal เลยเสนอปรัชญา Slow Productivity เพื่อสู้กับปัญหาทั้งหมดที่เขียนเมื่อกี้ โดยแก่นของปรัชญานี้มีแค่ 3 ข้อ ทำได้ไม่ยากด้วย เย้

  1. Do fewer things
  2. Work at natural pace
  3. Obsess over quality

Cal บอกว่า “Few things at once” ไม่ได้แปลว่าทำงานเสร็จน้อย แต่คือการ “เลือกที่จะทำ” แค่บางอย่าง บางอย่างที่มีความหมายกับธุรกิจและชีวิตของเราเท่านั้น

งานวิจัยยืนยันผลเสียจากการทำ “Multitasking” หรือการทำงานหลายๆอย่างพร้อมกัน ถ้าเราเลือกจะทำทุกอย่าง โอกาสที่จะทำทุกอย่างให้ดีจะลดลงมาก และสุดท้ายอาจไม่มีอะไรเสร็จเลย

Fact - สมองไม่สามารถทำงานหลายสิ่งพร้อมกันได้ แต่มันทำ “Task switching at speed” หรือการสลับ Task แบบเร็วมาก ก่อให้เกิด “Attention residue” สมองต้องใช้เวลาจูนตัวเองเวลาเริ่มงานใหม่เสมอ

ใช้ชีวิตด้วยสปีดธรรมชาติ “Natural pace” ความเร็วควรถูกใช้ เวลาที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น

เน้น “คุณภาพ” มากกว่าปริมาณ ทำงาน 10 ชั่วโมง บางทีได้ผลงานน้อยกว่าทำงานแค่ 2 ชั่วโมงแบบ Focused Time, Focused Attention

Cal แนะนำให้เก็บเงิน “ลงทุน” ซื้อเครื่องมือดีๆมาใช้ในการทำงาน เช่น ซื้อปากกาแท่งละพันบาท เราจะได้อยากหยิบมาเขียนงานมากขึ้น สรุปทำหาย อ้าว 555+

ถ้าเรายึดมั่นในปรัชญานี้ สามสิ่งนี้จะดีขึ้นเลยทันที Pace, Quality, Happiness ผลงานเราดีขึ้น สร้าง “Real Productivity” หายขาดจากอาการ Burn Out

ปิดท้ายด้วย Quote ของ Lao Tzu “ธรรมชาติไม่เคยรีบเร่ง แต่ทุกอย่างก็สำเร็จได้” ไม่ว่าปัญหาตรงหน้าจะยากแค่ไหน อย่าลืมว่า “Nature” เข้าใจและแก้ไขมันได้หมดแล้วผ่านเวลาหลายล้านปี

Nature บอก “ฉันช้าแต่ชัวร์ ของจริง" ยั๊งงงง 555+

สามอย่างที่อยากให้ทุกคนได้จาก PodDash วันนี้

  1. เลือกทำสิ่งที่มีความหมาย
  2. ใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ
  3. เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ

ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ อยากอ่านทุกวัน อย่าลืมกด Follow กันด้วยนะคร้าบ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านมากๆคร้าบ

PodDash - One Lesson At A Time 💯

ปล. หนังสือเล่มอื่นๆของ Cal ที่น่าซื้อเก็บคือ Deep Work, Digital Minimalism และเล่มในตำนาน So Good They Can’t Ignore You