EP17 - Love to Read
อ่านสิ่งที่เรารัก จนกว่าเราจะรักที่จะอ่าน ข้อคิดดีๆจาก Naval Ravikant สุดยอดนักทวีตที่มีผู้ติดตามมากกว่าสองล้านคนบน Twitter

อ่านสิ่งที่เรารัก จนกว่าเราจะรักที่จะอ่าน ข้อคิดดีๆจาก Naval Ravikant สุดยอดนักทวีตที่มีผู้ติดตามมากกว่า 2 ล้านคนบน Twitter
เมื่อคืนแอดหยิบหนังสือ The Almanack of Naval Ravikant (2020) มาอ่านอีกรอบ สนุกมาก เปิดไปอ่านบท “Learn to Love to Read” ได้แนวคิดในการอ่านหนังสือเพียบ
สรุปข้อคิดดีๆจาก Naval เพราะการอ่านคือ Meta Skill ถ้าอยากสำเร็จ ต้องรักที่จะอ่าน
Naval คือนักคิด นักเขียน และนักลงทุนใน Startup มากกว่า 200 บริษัท เช่น Uber, Twitter, Bolt, Opendoor ที่ไปถึงระดับ Unicorn แล้วมากกว่าสิบตัว
สั้นๆคือ Naval เก่งและรวยมาก ยั๊งงง 555+
เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความรู้ “Knowledge is Abundance” แต่สิ่งที่โลกเราขาดแคลนจริงๆคือความกระหายที่จะเรียนรู้ “Desire to Learn”
โลกไม่ได้แบ่งคนเป็น Educated vs. Uneducated แต่แบ่งเป็น Love to Read vs. Doesn’t Love to Read
นิสัยรักการอ่านคือ “สุดยอดพลัง” ที่มนุษย์ทุกคนเข้าถึงได้ อยู่ภายในตัวเรา ไม่ต้องพึ่งปัจจัยภายนอก
ถ้าเราอ่านทุกวัน อย่างน้อยวันละหนึ่งชั่วโมง ทำไปเรื่อยๆ 7 ปี “ถ้ายังไม่เจอความสำเร็จ มาถีบหน้าผม” Naval ไม่ได้กล่าวไว้ ยั๊งงง 555+
การอ่านก็เหมือน “รักแรก” ไม่ต้องหาเหตุผลที่จะหยิบหนังสือดีๆสักเล่มขึ้นมาอ่าน
Charlie Munger มหาเศรษฐี เพื่อนสนิทของ Warren Buffett เคยบอกว่า “เวลาทุกนาทีมีค่า ถ้าใช้มันกับการอ่านหนังสือ”
คำแนะนำในการอ่านหนังสือของ Naval
- เลือกอ่านหนังสือดีๆ (อ่านต่อที่ข้อ 9)
- หนังสือยิ่งดี ยิ่งต้องใช้เวลาอ่านนาน อ่านเพื่อคิด ไม่ใช่อ่านแค่จบ
- ข้ามได้ข้าม เบื่อก็วาง ไม่ต้องอ่านจบก็ได้ เพราะเวลาเรามีค่า และหนังสือดีๆในโลกนี้มีอีกเยอะฃ
- อ่านทุกวัน จนเป็นนิสัย แค่วันละ 1-2 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว
- อ่านแบบ Long-Form อย่าอ่านอะไรที่สั้นเกินไป
- อ่านแล้วเล่าต่อ อ่านแล้วสอน Teaching Forces Learning
ลำดับการอ่านมีผลอย่างมากต่อการพัฒนาของเรา “Be careful what you read” Naval บอกว่าคำแนะนำถัดไป พวกเราอาจจะไม่ชอบเท่าไหร่ ยั๊งงง 555+
“อ่าน Logic, Philosophy, Maths และ Science เยอะๆ เพราะมันคือพื้นฐานที่ทำให้เราเข้าใจหนังสือได้ทุกเล่ม” เห็นชื่อวิชาก็กลัวล๊าววว 555+
ถ้าเราอยากก้าวข้าม “ความกลัว” ต้องมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง Maths & Science คือรากฐานที่ช่วยให้เราอ่านได้ทุกเล่มบนโลกนี้
ส่วนตัวแอดคิดว่าเริ่มจาก Logic & Philosophy ง่ายกว่า 555+ สนุกด้วย เย้
Naval เน้นย้ำความสำคัญของ “Foundational Knowledge” ถ้าอยากอ่าน Economics ให้เริ่มจาก Adam Smith ถ้าสนใจเรื่อง Evolution ต้องเริ่มจาก Charles Darwin
ต้องเลือกอ่าน อย่าอ่านคอนเซปต์ที่ถูก “Derived” มาจากต้นกำเนิดของมันอีกที เพราะ Original Source ทรงพลังที่สุด
แอดนึกถึง Quote ที่เคยอ่านใน The Kybalion (1908) “Nothing rises higher than its own source.”
ส่วนตัวแอดคิดว่าหนังสือออกใหม่ช่วง 10 ปีหลังนี้ ไม่มีอะไรใหม่เท่าไหร่เลย เป็นแค่เรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่เกือบทั้งนั้น แหะๆ เราคุยกันเรื่อง “ชีวิตที่ดี” หน้าตาเป็นแบบไหนมาตั้งนานแล้ว
Naval บอกความรู้อะไรก็ตามที่อยู่รอดมาได้สองพันปี มันถูกกลั่นกรองมาแล้วระดับหนึ่งแล้ว “General Principles” ขององค์ความรู้นั้น “น่าจะ” ถูกต้อง ให้อ่านพวกนั้นเยอะๆ
“Brain Muscle” ถ้ายกดัมเบลแล้วปวดแขน อ่านหนังสือต้องปวดหัว เดี๋ยววว 555+ การอ่านทำให้เราเจ็บในระยะสั้น แต่สร้างประโยชน์มหาศาลในระยะยาว ถ้าอ่านแล้วรู้สึกตึงๆ เรามาถูกทางแล้ว
การอ่านไม่ได้การันตีความสำเร็จ แต่การไม่อ่านการันตีความล้มเหลวในชีวิตแน่นอน กราบบบ
ส่วนตัวแอดใช้หลักการว่า “ถ้า Naval เขียนเมื่อไหร่ ให้อ่านเลย ไม่ต้องมีเหตุผล” ยั๊งงง 555+
Naval คือ “First-Principles Thinker” อย่างแท้ทรู มองลึกถึงแก่นของทุกปัญหา นี่แค่เรื่องการอ่าน ยังคิด ยังเขียนได้ขนาดนี้ 🤣
สามไอเดียสำคัญที่อยากให้เพื่อนๆได้จาก PodDash นี้
- อ่านหนังสือที่เราชอบ จนกว่าเราจะรักที่จะอ่าน
- จำนวนหนังสือที่อ่านจบเป็นแค่ “Vanity Metric” ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าเราเอาความรู้ในนั้นมาใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้
- อ่านทุกวัน เขียนทุกวัน นี่คือเส้นทางแห่งพลังอย่างแท้จริง
ปล. The Almanack จริงๆเขียนโดย “Eric Jorgenson” เค้าชอบ Naval มาก เลยไปนั่งรวม Tweets ทั้งหมดของ Naval มาเขียนเป็นเล่ม 555+ (มี Naval ช่วยให้คำแนะนำ)
PodDash
- One Lesson At A Time 💯