EP04 - How To Become A Generalist
Generalism ปรัชญาเป็ดโปรเพราะชีวิตสั้นเกินกว่าที่จะเก่งแค่เรื่องเดียว สรุปจากหนังสือ How to Be Better at Almost Everything

Generalism ปรัชญา “เป็ดโปร” เพราะชีวิตสั้นเกินกว่าที่จะเก่งแค่เรื่องเดียว
ปี 2019 แอดได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล (เรื่องจริงนะ 555+) ชื่อว่า How to be better at almost everything ของ Pat Flynn
สรุป 20 ไอเดียสำคัญที่แอดได้เรียนรู้ เปิดตำราสู่การเป็นเป็ดโปรอย่างแท้จริง อยากให้ทุกคนได้อ่านด้วยกันคร้าบ
Aristotle บอกว่า “การได้เกิดเป็นมนุษย์ คือการได้รู้สิ่งที่ดี ได้ทำสิ่งที่ดี และได้สร้างสิ่งที่ดี”
พวกเราเชื่อใน Freedom of Excellence ถ้าอยากมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้ ต้องใช้ชีวิตแบบมีข้อจำกัด “True freedom lies in restrictions”
ถ้าอยากเก่งขึ้น เราต้องจำกัดทางเลือก “เลือกทำ” แต่สิ่งที่มีความหมาย ตื่นเช้า ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ เขียนแชร์ความรู้ ฯลฯ
Generalist มองทุกอย่างเป็น “ทักษะ” ที่เราฝึกฝนได้หมดเลย
แม้แต่ “ความสุข” ก็คือ Skill ยิ่งเราเก่งขึ้นเท่าไหร่ เรายิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น ของแทร่
สูตร(ไม่ลับ)สู่การเป็น Generalist ที่แท้จริงคือ [5+5] ฝึกฝน 5 Meta Skills ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และเข้าใจแก่นหลักของปรัชญา Generalism ทั้ง 5 ข้อ
Meta Skills หรือโคตรทักษะ 5 อย่างที่ Generalist ฝึกฝนตัวเองทุกวันคือ Discipline, Focus, Logic, Persuasion และ Faith
“Faith” หรือพลังศรัทธา คือพลังแห่งความคิดที่เชื่อว่าเราทำสิ่งนั้นได้ โลกยุคใหม่เรียกพลังนี้ว่า “Manifestation”
มาถึงแก่นของปรัชญา Generalism ทั้งห้าข้อคือ
- เรียนรู้หลายทักษะดีกว่าการเก่งสุดๆแค่เรื่องเดียว
- ฝึกฝนทักษะใหม่อย่างหนักหน่วงในระยะเวลาสั้นๆ
- ถ้า 100% คือเก่งที่สุดในโลก เราจะไม่เก่งเกิน 80%
- นำความรู้ทั้งหมดมาประยุกต์ใช้ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์
- ฝึกฝนซ้ำๆ แต่เพิ่มความหนักขึ้นเรื่อยๆ
แก่นข้อที่หนึ่ง “Skill Stacking” คือหัวใจที่สำคัญที่สุดของการเป็น Generalist
ทำได้ทุกอย่าง อย่างละนิด อย่างละหน่อย Marketing, Business, Coding, Data, AI, Writing, Reading ฯลฯ
ถึงแม้เราจะรู้แค่ 30-50% ของศาสตร์นั้นๆ แต่ถ้ารวมทุกทักษะเมื่อกี้เข้าด้วยกัน มันยากมากที่จะหาคนหยุดเราได้
สำหรับคนส่วนใหญ่ การพัฒนาตัวเองเป็น "Generalist" ได้ผลลัพธ์ดีกว่าการเป็น Specialist
ไม่ได้แปลว่าการเป็น “Specialist” ไม่ดี แต่ต้องถามตัวเองว่าเราเป็นคนนั้นได้หรือเปล่า เราเป็นอย่าง Bill Gates, Mark Zuckerberg, Elon Musk หรือ Steve Jobs ได้จริงๆหรือเปล่า?
แล้วทักษะอะไรบ้างที่เราควรเรียนไว้เพื่อใช้ในอนาคต Pat Flynn แบ่งทักษะออกเป็นสามแบบ
- Meta Skills เป็นพื้นฐานในการเรียนทักษะใหม่ๆ
- Interest Skills ทักษะที่เราสนใจ
- Need-Based Skills ทักษะที่จำเป็นในการหารายได้
ตัวอย่างเช่น ถ้าเราชอบถ่ายรูป เราก็ควรเรียน Need-Based Skills เช่น การเขียน การตลาด พื้นฐานดีไซน์ การสร้างเว็บไซต์ และ SEO เพื่อช่วยให้เราหารายได้จากความชอบนั้นได้ด้วย
หรือจะมองว่า Generalist = Meta Skills * (Interest + Need-Based) ยิ่ง Meta Skills เราแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ การเรียนรู้ทักษะอื่นๆยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น
โศกนาฏกรรมของชีวิตคือการได้อยู่ไปจนถึงอายุ 90 ปี ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะทำอะไร แล้วพบว่าชีวิตเรายังไม่เคยทำสิ่งที่มี “ความหมาย” และ “ดีงาม” เพื่อตัวเองและคนอื่นเลย
และสิ่งที่ทำให้ Generalist ต่างจาก “เป็ด” ทั่วไปที่หลายคนเข้าใจคือ “ปรัชญา” ที่เป็นแก่นในการใช้ชีวิต ยิ่งเราได้รู้ ทำ และสร้างสิ่งที่ดีได้มากขึ้นเท่าไหร่ เรายิ่งมีความสุขได้มากขึ้นเท่านั้น
เพราะชีวิตนั้นสั้น เกินกว่าจะเก่งแค่เรื่องเดียว ตั้งแต่แอดได้รู้จัก Generalism ในปี 2019 ชีวิตก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป รู้สึกตัวเองเก่งขึ้นมากจริงๆ ..
แค่เราเก่งขึ้นทุกวัน แต่ไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด ชีวิตก็มีความหมายแล้ว
ส่วนตัวแอดยกให้ How to be better at almost everything (2019) เป็นหนึ่งในหนังสือที่แอดชอบที่สุดในตู้ที่บ้าน (มากกว่า 1,000 เล่ม) เกิดมาครั้งหนึ่งต้องได้อ่าน เย้
พรุ่งนี้ EP.5 พบกับแนวคิดของ Ryan Holiday เจ้าของหนังสือ The Obstacle Is The Way และผู้สร้าง YouTube “Daily Stoic” รอติดตามได้เลยคร้าบทุกคน
ปล. Generalism กับ Stoicism มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเลย แอดมานั่งอ่านอีกรอบ เจอคำว่า “Eudaimonia” ในหนังสือด้วย อ. Pat เป็น Stoic เหมือนกัน 555+
PodDash
- One Lesson At A Time 💯